AVATR11 เป็นรุ่นที่หลายคนคาดหวังพอสมควร ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น ความหรู และชื่อเสียงของแบรนด์ วันนี้มีโอกาสได้ลอง AVARTR11 ในสนามพีระ ได้ใช้ความเร็วพอสมควร พอจะสรุปสิ่งที่ประทับใจสั้น ๆ ได้ดังนี้ครับ
• การขับขี่
พวงมาลัย "คม" กว่าที่คิด ยิ่งความเร็วเพิ่มขึ้น พวงมาลัยจะยิ่ง firm มากขึ้น ทำให้ขับได้มั่นใจขึ้น ช่วงล่างนุ่ม แต่ไม่ถึงขนาดย้วย โดยรวมสบายแต่ก็ยังให้ความมั่นใจในการใช้ความเร็วได้ เข้าโค้งหนัก ๆ ก็ยังพอไหว แต่การกระชากพวงมาลัย แบบเปลี่ยนเลนกระทันหัน จะมีโยนบ้างเล็กน้อย อาจจะไม่เหมาะกับการขับแบบรถสปอร์ต แต่หากขับธรรมดาที่ใช้ความเร็วบ้าง จะขับสบายไม่มีปัญหาครับ
• เบรค
เป็นสิ่งที่ประทับใจมากคือเบรค Brembo แบบ 4 Pots ให้น้ำหนักเบรคดีมาก ละเอียด กดแล้วดูดเท้า หน่วงความเร็วได้ไว ทำให้มั่นใจมากขึ้นในการใช้ความเร็ว หยุดหรือชะลอได้นุ่มนวล หัวไม่ทิ่ม รุ่นธรรมดาจะได้เบรคธรรมดา แต่ไม่ได้ลองว่าต่างกันมากไหม ในส่วนนี้ผมให้พอ ๆ กับ HT luxury ครับ ที่เบรคดีเหมือนกัน
• ความหรู
ถ้าไม่ได้รู้จักแบรนด์นี้มาก่อนจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นรถจีนเลย ความหรูเทียบเท่ารถยุโรปได้ ภายในดูดีด้วยการออกแบบที่มีมิติ มีลูกเล่น แต่แบบมีรสนิยม ใช้วัสดุมีคุณภาพ และสัมผัสที่ดี ทำให้ภาพรวมของห้องโดยสารหรู และสวยงาม น่าใช้งาน และจะสวยเป็นพิเศษถ้าภายในเป็นสีสว่าง หรือสีขาว ถ้าเป็นสีเข้ม ความสวยจะไม่เด่นเท่าไร
• ความสบายในห้องโดยสาร
ในรุ่นที่มาไทยเป็นเบาะ 5 ที่นั่ง ไม่ใช่ 4 ที่นั่ง captain seat ที่เป็นจุดเด่น ซึ่ง 5 ที่นั่งก็ยังคงให้ความสบาย แต่ไม่ได้สบายเด่นไปกว่าคู่แข่ง ถ้าเอาความสบาย HT จะสบายกว่า เพราะปรับเอนได้หลายระดับกว่า แต่ถ้าเอาบรรยากาศห้องโดยสาร AVATR11 จะให้ความสุนทรีมากกว่า
• พื้นที่ใช้สอย
คันนี้มี Frunk ขนาดใหญ่มาให้ แต่ด้วยความที่ฝากระโปรงหลังเป็นแบบรถเก๋ง ทำให้ฝาท้ายเปิดไม่ได้กว้างมาก และที่เก็บของด้านหลัง ไม่ได้ใหญ่มาก นี่จึงเป็นรถอีกคันที่ไม่ได้เน้นขนของ แต่เน้นความสบายผู้โดยสารครับ
• One Pedal
ที่ชอบอีกอย่างคือคันนี้คันเร่งละเอียด เนียนมาก แต่ที่แย่คือไม่มี One Pedal เมื่อปรับ regen มากสุด ก็ไม่ได้หน่วงมากจนเป็น One Pedal ได้ มีข้อดีคือยังหน่วงแบบให้ความสบาย และยังขับง่ายอยู่
• อัตราเร่ง
กดสุดยังให้แรงดึงแบบผู้ดี นุ่ม ๆ เวลาดังนี้ครับ
- 0-100 km/h ที่ 8.22 วินาที
- 0-120 km/h ที่ 10.44 วินาที
- 0-140 km/h ที่ 13.68 วินาที
ด้วยความที่แบตเตอรี่หนัก และมอเตอร์ตัวเดียว ทำให้อัตราเร่งช้าไปนิด การแซงทำได้อย่างปลอดภัย แต่จะไม่ได้แซงขาดเหมือนรถไฟฟ้ามอเตอร์คู่ ถ้ารุ่นนี้มาเป็น AWD น่าจะเหมาะมากกว่ากับรถขนาดนี้มากกว่าครับ
สิ่งที่ไม่ได้ลองคือ ADAS ที่เคาว่าเทพมาก แต่ถ้าให้เดาเบื้องต้น ไม่น่าจะสู้ X-Peng G6 ได้ แต่ขอแอบติดไว้ก่อนครับ
• รุ่นที่ขาย
AVATR11 จะมีด้วยกันสองรุ่นคือ Standard ราคา 2,099,000 บาท และ Long Range ราคา 2,299,000 บาท ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 60,000 บาท ทั้งสองรุ่นต่างกัน 4 อย่างดังนี้
1. ขนาดแบตเตอรี่ 90.38 kWh วิ่งจริงได้ประมาณ 451 กม. (EPA) ในรุ่นเริ่มต้น และ 116.79 kWh วิ่งจริงได้ประมาณ 533 กม. (EPA) ในรุ่น Long Range
2. Standard ขนาดล้อ 21 vs Long Range 22 นิ้ว
3. Standard เบรคธรรมดา 2 Pots ส่วน Long Range เบรค Brembo 4 Pots
4. ประตูไฟฟ้าในรุ่น Long Range และประตูธรรมดาในรุ่น Standard
• สรุป
โดยรวม AVATR 11 เป็นรถที่ให้ความสบายในการเดินทาง และความหรูหราของห้องโดยสาร เทียบได้กับรถยุโรป 3-4 ล้านสบาย ๆ ถ้าใครที่มาจากฝั่งรถยุโรป น่าจะถูกใจได้ไม่ยาก
ท้ายที่สุดผู้ที่สนใจแนะนำให้ไปทดลองขับก่อนตัดสินใจครับ ว่าการขับขี่ ความสบาย ความหรูแบบนี้ ราคานี้ ถูกใจหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีศูนย์เฉพาะ แนะนำไปที่ GALAX ครับ เป็นศูนย์ที่บริการดีมาก ๆ ทุกคนมีความรู้เรื่อง Product อย่างดี จะประทับใจแน่ ๆ ครับ
สุดท้าย ขอบคุณ GALAX และ product expert สำหรับการทดลองขับ และข้อมูลต่าง ๆ ครับ และขอบคุณพี่เวลสำหรับงาน EV Experienced Thailand ด้วยครับ