รถคันนี้เป็นรถที่ผมอยากลองเป็นพิเศษ เพราะเป็นรุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็น Model Y Killer (ที่ใกล้เคียงที่สุด) และในฐานะผู้ใช้ Model Y ผมจึงอยากรู้ว่าเจ้า G6 จะมีอะไรดีกว่า ดีกว่าจริงไหม และสุดท้าย จะเป็น Model Y Killer ได้หรือเปล่า?
ในการหาคำตอบ และระหว่างยังไม่มีรถให้เทส ผมจึง walk-in ไปที่ Xpeng สุขุมวิท เข้าไปทดลองขับแบบลูกค้าทั่วไป ซึ่งก็ได้รู้ key feature ที่น่าสนใจประมาณนึง แต่น่าเสียดายที่เป็นเวลาสั้น ๆ จึงยังไม่ได้ครบทุกหัวข้อ แต่อย่างน้อยก็พอที่จะสรุปได้คร่าว ๆ สรุปเป็นเรื่อง ๆ ได้ดังนี้ครับ
• X-Pilot
เป็นอีกเรื่องที่ XPENG โฆษณาว่าทำได้ดี ระบบช่วยเหลือ Level2 ของ X-Peng เรียกว่า X-Pilot เทียบเท่าได้กับ Autopilot ในเทสลา การทำงานของ X-Pilot หรือ Autopilot เอง จะแบ่งออกเป็นสองเรื่องคือ Adaptive Cruise Control (ควบคุมการเดินหน้า) และ Auto-Steer (ควบคุมการเลี้ยวซ้ายขวา)
• Adaptive Cruise Control
ในส่วนนี้ G6 ทำได้นุ่มนวลประมาณทั้งการหยุด และการออกตัว ทำงานทางด่วนได้ดี แต่สำหรับใช้งานในเมืองจะมีเบรคหัวทิ่มตามการตัดหน้าของมอเตอไซด์ (ซึ่งเป็นทุกยี่ห้อ) ไม่แนะนำให้ใช้ในเมือง จะเครียดมากกว่าช่วยเหลือ ในหัวข้อนี้ G6 ทำงานได้ดีกว่า TACC ของเทสลา ที่มี Phantom Braking บ่อย ๆ การหยุด และเดินหน้ากระชากจนเวียนหัว
G6 > Model Y
• Auto-Steer
XPENG G6 ทำงานเหมือนเทสลา คือตรวจจับเส้นถนนเป็นหลัก แม้เส้นจะไม่ชัดก็ยังเดา และสร้าง Path Planning ได้ และ Activate ได้ขณะที่เส้นไม่ชัดมาก ขณะที่ระบบทำงานพวงมาลัยจะไม่ตึงมือมาก มีระยะฟรีให้คนขับ override ได้ง่าย ๆ และระบบก็ยังทำงานอยู่ เช่นการเบี่ยงหลบรถที่กินเลนมา หรือหากใช้แรง override พวงมาลัยที่มากพอ ระบบจะหยุดการทำงานชั่วคราว และกลับมาทำงานใหม่ได้ ในขณะที่ Auto-Steer ของเทสล่าจะค่อนข้างตึงมือ หากคนขับไม่เห็นด้วย ออกแรงแก้ไข ระบบจะหยุดการทำงานทันทีที่คนขับ override และต้องเปิดการทำงานใหม่ทุกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้ XPENG ใช้งานได้สะดวกกว่า
• Corner Steering
สิ่งที่ทำให้ระบบของ XPENG / Tesla เด่นกว่ายีห้ออื่นคือการช่วยเลี้ยวในทางโค้งนี่แหละ
ในหัวข้อนี้ G6 สามารถช่วยในทางโค้งปกติได้ไม่มีปัญหา แต่หากโค้งเริ่มแคบ หรือเป็น S-Curve รถจะชะลอก่อนการเข้าโค้ง แต่การชะลอนั้นมากเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ความเร็วในโค้งค่อนข้างต่ำ การพารถผ่านทางโค้งดังกล่าวยังไม่แม่นเท่าไร ส่วนนี้ทำให้ขาดความมั่นใจในการใช้งานทางโค้ง ซึ่งจุดนี้ Model Y ทำได้ดีกว่ามาก เพราะผ่านได้เกือบทุกโค้ง (ที่หักพวงมาลัยไม่เกิน 90 องศา) และเข้าทางโค้งในความเร็วที่เป็นธรรมชาติได้ และความแม่นในการเกาะโค้งมีสูง แต่ก็มีข้อเสียคือจะชะลอเมื่อใกล้หลุด (นอกจาก NOA ที่จะชะลอก่อน) ทำให้ Tesla ไว้ใจในการใช้งานในทางโค้งได้ดี ซึ่งส่วนนี้ Model Y > G6
• การช่วยเหลือพร้อมนำทาง
ในเทสลามี Navigate on Autopilot คือการใช้ Auto Lane Change ร่วมกับการนำทาง โดยจะเปลี่ยนเลนไปยังทางแยกที่ถูกให้ตามแผนที่ ซึ่ง G6 ยังไม่มีส่วนนี้
• Auto Lane change
G6 เปลี่ยนเลนได้เป็นธรรมชาติ โดยการเปลี่ยนเลนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเข้าตามความเร็ว และช่องว่างในการเปลี่ยนเลนไม่ได้กว้างมากเกิน ใน Visualization ของ G6 จะแสดงการเปลี่ยนเลนเหมือน FSD ของเทสลา ที่จะวาด Path เป็นเส้นโค้งข้ามไปเลนถัดไป ในขณะที่ Auto-Lane change ของเทสลา (Non-FSD) หักเร็วเกินไป การเปลี่ยนเลนไม่เป็นธรรมชาติ และต้องการช่องว่างในการเปลี่ยนเลนที่มากเกินไป หาได้ยากในการใช้งานจริง ส่วนนี้ G6 > Model Y
ในภาพรวมของ X-Pilot นั้นทำงานได้ดี และถึงหลาย ๆ ฟีเจอร์จะทำงานได้ดีกว่า Autopilot แต่ด้วยข้อจำกัดในการเข้าโค้งบางสถานการณ์ ซึ่งนั่นมีผลต่อความมั่นใจในการใช้งานภาพรวม จุดนี้ทำให้ขาดความมั่นใจไปบ้าง ซึ่งส่วนนี้ทำให้ผมยังคงให้ Autolilot > XPilot ครับ
• Parking Assist
อันนี้เป็นสิ่งที่ดีกว่า Model Y แบบชัดเจน การเข้าจอดทำได้เสถียร และมั่นใจกว่า จอดแบบหน้าเข้าได้ (Tesla ทำไม่ได้) และสามารถถอยออกจากที่จอดให้ได้ และที่เด่นที่สุดคือ Remote Parking ที่เราสามารถลงจากรถได้ และกดให้รถเข้าไปจอดเอง การใช้งานโทรศัพท์จะต้องอยู่ใกล้ ๆ รถในระยะ Bluetooth ในส่วนนี้ของ Tesla ยังทำไม่ได้ G6 > Model Y
• ความสบายของช่วงล่าง
สำหรับ G6 ในเมืองค่อนข้างนุ่ม ให้ความสบาย เก็บรอยต่อถนนได้ดี แต่หัวข้อนี้คงไม่ต้องพูดถึงเยอะ เพราะรถอะไรก็ดีกว่าช่วงล่าง Model Y ทั้งนั้น แต่ในรอบนี้ผมไม่ได้ทดสอบเรื่องความเร็ว เพราะใช้เวลาส่วนมากไปกับ X-Pilot หัวข้อนี้ G6 > Model Y
• One-Pedal
One-Pedal เป็นจุดเด่นของรถไฟฟ้า ที่จะขับได้โดยไม่ต้องใช้เบรค ส่วน G6 นั้นมี One-Pedal ก็จริง แต่เป็น OPD ที่ไม่หยุดนิ่ง จะไหลช้า ๆ 1-2 km/h ซึ่งหากจะให้หยุดนิ่ง ต้องเหยียบเบรคเอง และการกะน้ำหนักเบรคที่จะหยุดให้นุ่มนวลทำได้ยาก กดนิดเดียวก็หยุดกึก ทำให้เวลาเบรคให้หยุดนิ่งใช้ความพยายามให้หยุด Smooth ซึ่งทำให้เหนื่อย และการขับไม่ค่อยสบายเท่าไร ส่วนน้ำหนักการรีเจน น้อยกว่าเทสลา พอ ๆ กับ HL ในหัวข้อนี้ Model Y > G6 •
• ภายในห้องโดยสาร
การควบคุมช่องแอร์ ใช้หน้าจอแทนการปรับมือเหมือน Tesla แต่ที่ต่างคือช่องลม มี preset สามารถขยับอัตโนมัติได้หลายรูปแบบ จะส่ายแบบพัดลมก็ได้ ซึ่งจุดนี้ผมว่าดีมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบลมธรรมชาติ ไม่ชอบแอร์เป่าหน้า การบังคับพัดลม หรืออุณหภูมิ สามารถ slide ได้ (เหมือนเทสลา) ไม่จำเป็นต้องกดโดนปุ่ม < > ให้ลำบาก
• เครื่องเสียง
เสียงกลางมีรายละเอียดค่อนข้างดี เป็นรถที่นั่งฟังแล้วเพลิน ให้สุนทรีภาพได้ระดับนึง สำหรับเครื่องเสียงโดยรวมเสียงดีกว่า Model Y เล็กน้อย
• Software / Touch Control
ในส่วนหน้าจอกลาง UX ใช้ได้ แต่ยังไม่ลื่นเท่าเทสลา แผนที่นำทางไม่ใช่ของ Google น่าจะเป็นของ XPeng เอง แต่สามารถต่อ Android Auto / Apple CarPlay ได้ โดยรวม
• เบาะนั่ง
น่าจะเป็นหนึ่งในจุดเด่นหนึ่งที่เหนือกว่าเทสลาแน่ ๆ เบาะรองรับการเอนนอนที่สบาย ด้านหลังมีรองเบาะที่ยาว รับต้นขา และสามารถปรับเอนได้ค่อนข้างมาก ซึ่งเพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารหลังพอสมควร ซึ่งส่วนนี้ดีกว่า Tesla แน่นอน
• Sleep Space
การปรับเบาะอัตโนมัติเพื่อรองรับการนอน เบาะหน้าสามารถปรับราบไปกับเบาะหลังได้ ทำให้สามารถนอนได้เต็มเพื้นที่โดยไม่ต้องพับเบาะหลัง โดยปรับได้สามแบบ พับเบาะฝั่งผู้โดยสาร พับทั้งคัน หรือพับเฉพาะเบาะหลัง ระหว่างทำงานจะตั้งเวลาในการนอนได้ พร้อมเพลงเบา ๆ คลอระหว่างการพักผ่อน (แต่เลือกเพลงเองไม่ได้)
• การเก็บของ
Xpeng เป็นรถที่ใหญ่พอ ๆ กับ Model Y มีพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างพอ ๆ กัน แต่ Storage โดยรวมน้อยกว่าอย่างมาก ด้านหน้าขาด Frunk และฝากระโปรงหลังจุของได้น้อยกว่า และ Storage ใต้พื้นก็มีขนาดเล็กมาก ส่วนนี้ Model Y ทำได้เหนือกว่าค่อนข้างมาก อาจจะสรุปได้ว่ารถคันนี้เน้นคน ไม่ได้เน้นขนของเท่าไร
• การใช้พลังงาน
ได้ลองในช่วงสั้น ๆ แค่ 20 กม. ได้พอ ๆ กับ Model Y LR ครับ ซึ่งอาจจะมากกว่า Y RWD ซักหน่อย แต่ระยะสั้นเกินไปที่จะสรุปอะไรได้ ขอติดไว้ก่อนเหมือนกันครับ
• การชาร์จ
นี่เป็นอีกหัวข้อที่อยากลอง แต่ยังไม่ได้ลอง เพราะเป็นจุดขายของ G6 อย่างไรก็ตามคันนี้สมควรจะเป็นรถที่ชาร์จเร็ว เพราะ HV มีแรงดัน 512v ในรุ่นปกติ และ 550v ในรุ่น Long Range ที่ชอบมากคือ Software มี Charging Curve มาให้ ในขณะที่เทสลาต้องพึ่ง 3rd party app
• Media
สำหรับการเล่น Media ตอนนี้มี YouTube ยังไม่มี Netflix (จะตามมาทีหลัง) ถือว่ายังสู้เทสลาไม่ได้ แต่สิ่งที่ดีกว่าคือ G6 สามารถ set ให้เล่นวิดีโอขณะรถเคลื่อนที่เพื่อให้ผู้โดยสารหน้าดูได้ ซึ่งรถส่วนใหญ่ในตลาดทำไม่ได้ นอกจากติดตั้งอุปกรณ์เสริม
น่าสังเกตุว่า Software ของ G6 จะใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ของการใช่งาน เช่นการปรับเบาะเป็นเตียงอัตโนมัติ ช่องปรับลมแบบส่ายได้ ฯลฯ เป็นบุคลิกของการออกแบบรถของคนเอเชีย ที่ใส่ใจในรายละเอียด ฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในขณะที่เรื่องพวกนี้เทสลาจะไม่มีให้ เทสลานั้นเน้นแต่การใช้งานที่เกี่ยวกับการเดินทาง การขับเคลื่อน เรื่องความผ่อนคลายไม่เน้นเท่าไร
เป็น Model Y Killer ได้ไหม
หากการเป็น Killer หมายถึงยอดขายที่มากกว่า เชื่อว่าวันนี้ยัง เพราะคนที่จะซื้อเทสลาไม่ได้ซื้อเพราะตัวรถอย่างเดียว แต่เป็นชื่อเสียงในหลาย ๆ เรื่อง เช่นความทนทาน ความเสถียร ความน่าไว้ใจในด้าน hardware หรือ Eco system อย่าง supercharger network ฯลฯ ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนานในต่างประเทศ จนเกิดเป็นชื่อเสียงส่วนนี้ขึ้นมา ซึ่ง G6 เอง วันนี้ทำตัวรถได้ดีพอ ๆ กัน (หรือดีกว่าในหลาย ๆ จุด) แต่เรื่องชื่อเสียง ยังเป็นสิ่งที่ต้องสะสมเพิ่ม เพื่อจะได้แข่งกับเทสลาในจุดนี้
สำหรับ G6 ถึงหลาย ๆ อย่างจะมีเทสลาเป็นแรงบันดาลใจ สุดท้ายผมรู้สึกว่า G6 ไม่ได้พยายามจะเป็น Tesla แต่ G6 มันมีบุคลิก มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง มีความน่าสนใจด้วยตัวมันเอง และด้วยราคา และคุณภาพที่สัมผัสได้ ผมว่า G6 เป็นรถที่น่าใช้มาก ๆ ในช่วงราคานี้ และจะทำให้ผู้ที่กำลังจะซื้อเทสลามีลังเลแน่นอนครับ
ปล.
รีวิวนี้ยังไม่ได้ทดสอบในทุกหัวข้อที่สำคัญ โดยเฉพาะการชาร์จ ถ้ามีโอกาสได้รถเต็ม ๆ จะมารีวิวฉบับเต็มอีกทีครับ หรือถ้าศูนย์ไหนสนใจเอื้อเฟื้อรถให้รีวิว ติดต่อมาได้เช่นกันครับ
สุดท้ายขอบคุณ XPENG สุขุมวิท สำหรับใครที่สนใจ XPENG G6 และอยู่แถวสุขุมวิท ติดต่อคุณกอล์ฟได้เลยครับ บริการดีมาก ๆ